วันอังคารที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2552
การเคลื่อนที่แบบวงกลม1(circular motion)
ความเร็วตลอดเวลา ถึงแม้อัตราเร็วจะคงที่ แต่เวกเตอร์ของความเร็ว
เปลี่ยนแปลง
ปริมาณที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่แบบวงกลมด้วยอัตราเร็วคงที่
1.คาบ (Period) "T" คือ เวลาที่วัตถุเคลื่อนที่ครบ 1 รอบ หน่วยเป็น
วินาที่/รอบ หรือวินาที
2.ความถี่ (Frequency) "f" คือ จำนวนรอบที่วัตถุเคลื่อนที่ได้ภายใน
เวลา 1 วินาที หน่วยเป็นรอบ/วินาที หรือ เฮิรตซ์ (Hz)
คาบและความถี่สัมพันธ์กันโดย ความสัมพันธ์ระหว่าง v, T, f
วัตถุเคลื่อนที่เป็นวงกลมรอบจุด O มีรัศมี r ด้วยอัตราเร็วคงที่
เมื่อพิจารณาการเคลื่อนที่ครบ 1 รอบ ความเร่งสู่ศูนย์กลาง (a)
วัตถุที่เคลื่อนที่เป็นวงกลมจะเกิดความเร่ง 2 แนว คือ
1. ความเร็วแนวเส้นสัมผัสวงกลม
2. ความเร่งแนวรัศมีหรือความเร่งสู่ศูนย์กลาง
ถ้าวัตถุเคลื่อนที่ด้วยอัตราเร็วคงที่ เช่น วงกลมในแนวระนาบ
จะเกิดความเร่งสู่ศูนย์กลางเพียงแนวเดียว การที่วัตถุมีอัตราเร็วเท่าเดิม
แต่ทิศทางเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ย่อมหมายความว่า ต้องมีความเร็ว
อื่นมาเกี่ยวข้องด้วย ความเร็วที่มาเกี่ยวข้องนี้จะพิสูจน์ได้ว่า มีทิศทาง
เข้าสู่จุดศูนย์กลางของการเคลื่อนที่ และความเร็วนี้เมื่อเทียบกับเวลา
จะเป็นความเร่งซึ่งมีค่า
การหาแรงที่ทำให้วัตถุเคลื่อนที่แบบวงกลม
จากกฎการเคลื่อนที่ข้อที่สองของนิวตัน และการเคลื่อนที่แบบวงกลม
แรงลัพธ์ที่มากระทำต่อวัตถุกับความเร่งของวัตถุจะมีทิศทางเดียวกัน
คือทิศพุ่งเข้าหาจุดศูนย์กลาง ซึ่งเขียนเป็นสมการได้ว่า
อัตราเร็วเชิงมุม (Angular speed)
อัตราเร็วของวัตถุที่เคลื่อนที่แบบวงกลมที่กล่าวมาแล้วนั้นคือ
ความยาวของเส้นโค้งที่วัตถุเคลื่อนที่ได้ในเวลา 1 วินาที ซึ่งเรา
อาจเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า อัตราเร็วเชิงเส้น (v) แต่ในที่นี้ยังมี
อัตราเร็วอีกประเภทหนึ่ง ซึ่งเป็นการบอกอัตราการเปลี่ยนแปลง
ของมุมที่จุดศูนย์กลาง เนื่องจากการกวาดไปของรัศมี ใน 1 วินาที
เรียกว่า อัตราเร็วเชิงมุม (w) อ่านว่า โอเมก้านิยามอัตราเชิงมุม (w)
คือ มุมที่รัศมีกวาดไปได้ใน 1 วินาที มีหน่วยเป็น เรเดียน/วินาที
การบอกมุมนอกจากจะมีหน่วยเป็นองศาแล้ว ยังอาจใช้หน่วยเป็น
เรเดียน (radian) โดยมีนิยามว่า มุม 1 เรเดียน มีค่าเท่ากับมุมที่
จุดศุนย์กลาง ของวงกลม ซึ่งมีเส้นโค้งรองรับมุมยาวเท่ากับรัศมี
หรือกล่าวได้ว่ามุมใน หน่วยเรเดียน คือ อัตราส่วนระหว่างส่วน
เส้นโค้งที่รองรับมุมกับรัศมีของวงกลม
ความสัมพันธ์ระหว่างมุมในหน่วยองศากับเรเดียน
เมื่อพิจารณาวงกลม พบว่ามุมรอบจุดศูนย์กลางของวงกลมเท่ากับ
360 องศา โดยส่วนโค้งที่รองรับมุมก็คือเส้นรอบวงนั้นเอง
ดังนั้น สรุปได้ว่า มุม 360 องศา เทียบเท่ากับมุม สองพาย เรเดียน
เมื่อพิจารณาวัตถุเคลื่อนที่แบบวงกลมด้วยอัตราเร็วคงที่ครบ 1 รอบพอดีที่มา http://www.skr.ac.th/e_learning_mix/o_motion/file/page1.html
วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2552
การเคลื่อนที่แบบโพรเจคไทล์(Projectile Motion)
โพรเจกไทล์(projectile) คือวัตถุที่เคลื่อนที่แบบเสรีโดยมีความเร็วในแนวราบ
การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์(projectile motion) เป็นการเคลื่อนที่ของวัตถุ
โดยมีแนวการเคลื่อนที่ เป็นแนวโค้ง
ลักษณะทั่วไปของการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์
1. แนวการเคลื่อนที่เป็นวิถีโค้งพาราโบลา
2. การกระจัด มี 2 แนว เกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน และเป็นอิสระต่อกัน ได้แก่ การกระจัดในแนวราบ
2.1 การกระจัดในแนวราบ เกิดจากการเคลื่อนที่ภายใต้ความเร็วคงที่ ดังนั้นเมื่อคิดในช่วงเวลาที่เท่าๆกัน
จะมีการกระจัดเท่ากันเสมอ
2.2 การกระจัดในแนวดิ่ง เกิดจากการเคลื่อนที่ภายใต้ความเร่งคงที่ ดังนั้นเมื่อคิดในช่วงเวลาที่เท่าๆกัน
โพรเจกไทล์แบบที่ 1
ลักษณะ เป็นโพรเจกไทล์ที่มีความเร็วเริ่มต้นในแนวราบ (ไม่เป็นศูนย์) และความเร็วต้นในแนวดิ่งเป็นศูนย์
ดังนั้น การพิจารณาการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์ ต้องพิจารณาการเคลื่อนที่ 2 ทิศทางประกอบกัน คือพิจารณา
ในแนวดิ่งและแนวราบ ดังนั้นความเร็วขณะใดๆของการเคลื่อนที่จะประกอบด้วย 2 แนว ดังกล่าว โดยทิศของ
ความเร็วขณะใดๆ จะเป็นเส้นสัมผัสกับเส้นโค้งของแนวการเคลื่อนที่เสมอ ความเร็วความเร็วแนวราบ (แกน x)
มีค่าคงที่ ดังนั้น ความเร็วแนวดิ่ง (แกน y) มีค่าเพิ่มขึ้นเหมือนการตกแบบเสรี ภายใต้แรงโน้มถ่วงที่มีความเร่ง
คงที่ g
โพรเจกไทล์แบบที่ 2
ลักษณะ เป็นโพรเจกไทล์ที่มีความเร็วเริ่มต้นในแนวราบ (ไม่เป็นศูนย์) และความเร็วต้นในแนวดิ่ง (ไม่เป็นศูนย์)
ดังนั้น โดยมีความเร็วต้น u ในทิศทำมุม กับแนวราบ การพิจารณาการเคลื่อนที่ของโพรเจกไทล์แบบที่ 2 มีหลักการ
เหมือนแบบที่ 1 คือ ต้องพิจารณาการเคลื่อนที่ 2 ทิศทางประกอบกัน ทั้งในแนวดิ่งและแนวราบ ดังนั้นความเร็ว
ขณะใดๆของการเคลื่อนที่จะประกอบด้วย 2 แนว ดังกล่าว โดยทิศของความเร็วขณะใดๆ จะเป็นเส้นสัมผัสกับ
เส้นโค้งของแนวการเคลื่อนที่เสมอ ความเร็วความเร็วแนวราบ (แกน x) มีค่าคงที่ ดังนั้น ความเร็วแนวดิ่ง
(แกน y) มีความเร็วเริ่มต้น ตอนขาขึ้นความเร็วมีค่าลดลงเรื่อยๆ จนถึงจุดสูงสุด มีความเร็วต่ำสุด ขาลงมีความเร็ว
เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ภายใต้แรงโน้มถ่วงที่มีความเร่งคงที่ g ในทิศลง ที่จุดสูงสุด ดังนั้นถ้าคิดการเคลื่อนที่นับจากตำแหน่ง
สูงสุดนี้ในขาลงจึงเหมือนกันโพรเจกไทล์แบบที่ 1 นั่นเอง
โพรเจกไทล์แบบที่3
ลักษณะ เป็นโพรเจกไทล์ที่มีความเร็วเริ่มต้นในแนวราบ และความเร็วต้นในแนวดิ่ง (ไม่เป็นศูนย์) แต่มี
จุดเริ่มต้นและจุดสุดท้ายอยู่ในระดับเดียวกัน เช่นการเคลื่อนที่ของลูกบอลจากพื้นสู่พื้นดังนั้น โดยมีความเร็วต้น u
ในทิศทำมุม กับแนวราบ การพิจารณาการเคลื่อนที่ของโพรเจกไทล์แบบที่ 2 มีหลักการเหมือนแบบที่ 1 และ 2
คือ ต้องพิจารณาการเคลื่อนที่ 2 ทิศทางประกอบกัน ทั้งในแนวดิ่งและแนวราบ ดังนั้นความเร็วขณะใดๆของ
การเคลื่อนที่จะประกอบด้วย 2 แนว ดังกล่าว โดยทิศของความเร็วขณะใดๆ จะเป็นเส้นสัมผัสกับเส้นโค้งของ
แนวการเคลื่อนที่เสมอ ความเร็วความเร็วแนวราบ (แกน x) มีค่าคงที่ ดังนั้น ความเร็วแนวดิ่ง (แกน y)
ตอนขาขึ้นความเร็วมีค่าลดลงเรื่อยๆ จนถึงจุดสูงสุด มีความเร็วต่ำสุด ขาลงตวามเร็วเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ภายใต้แรงโน้มถ่วงที่มีความเร่งคงที่ g ในทิศลง
วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2552
ืnewton'law
กฎการเคลื่อนที่ของนิวตัน
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
กฎการเคลื่อนที่ของนิวตันเป็นกฎที่อธิบายธรรมชาติของการเคลื่อนที่ของวัตถุต่างๆ ในเอกภพ ผู้เสนอคือไอแซก นิวตัน นักฟิสิกส์ชาวอังกฤษ
- กฎการเคลื่อนที่ของนิวตัน มีด้วยกัน 3 ข้อ
- วัตถุจะหยุดนิ่งหรือเคลื่อนที่ด้วยความเร็วและทิศทางคงที่ได้ต่อเมื่อผลรวมของแรง(แรงลัพธ์) ที่กระทำต่อวัตถุเท่ากับศูนย์
- เมื่อมีแรงลัพธ์ที่ไม่เป็นศูนย์มากระทำต่อวัตถุ จะทำให้วัตถุที่มีมวลเกิดการเคลื่อนที่ด้วยความเร่ง โดยขนาดของแรงจะเท่ากับมวลคูณความเร่ง
- ทุกแรงกิริยาย่อมมีแรงปฏิกิริยาที่มีขนาดเท่ากันแต่ทิศทางตรงกันข้ามเสมอ กฎข้อแรกและข้อที่สองของนิวตัน เขียนเป็นภาษาละติน จาก Philosophiae Naturalis Principia Mathematica ฉบับดังเดิม ค.ศ. 1687
http://www.school.net.th/library/webcontest2003/100team/dlnes137/physic/force.htmlมวล แรง และกฏการเคลื่อนที่มวลสาร น้ำหนัก แรง
หากพิจารณาวัตถุสสารใด ๆ จะเห็นว่า บางวัตถุมีความหนาแน่นของ เนื้อ วัตถุ มาก มวลสาร (Mass) จึงเป็นปริมาณที่จะบอก
คุณ สมบัติ ของ วัตถุ และถ้ามีแรง มา กระทำ ต่อ วัตถุพื้น ก็ จะเกิด สภาพ การต่อต้าน สภาวะ การ เคลื่อนที่ เช่น ถ้าออกแรง ผลัก วัตถุ
ที่มีมวลสาร หนาแน่น ก็ต้อง ออก แรง มาก ต่อวัตถุ แล้ว จะ ทำให้วัตถุ นั้น
เคลื่อนที่ด้วย ความเร่ง น้ำหนัก (weight) เมื่อวัตถุอยู่ภายใต้แรงดึงดูดของโลก จะมีแรงดึงดูดที่ทำให้
วัตถุ ตกจาก ที่สูง และ เคลื่อนที่ เข้าสู่ศูนย์กลาง ของโลก แรง ของ โลก ที่ดึงดูด มีค่า เท่ากับ
W = mg ดังรูปกฎการเคลื่อนที่ 3 ข้อของนิวตัน
เซอร์ไอแซคนิวตันนักฟิสิกส์ นิวตันให้หลักการคำนวณที่เกิดจากแรงไว้ 3 ข้อ และเป็นกฎชาวอังกฤษ ผู้มี ผลงาน โดดเด่น หลายเรื่อง โดยเฉพาะ เรื่องการ คำนวณระหว่าง แสง กับ มวลสาร เขา ได้ อธิบาย ว่า ทำไม ดวงจันทร์ จึง โคจร รอบ โลก และ ทำไม โลก จึง
โคจรรอบ ดวงอาทิตย์ แรง ที่กระทำ ต่อ วัตถุที่เกิด จาก แรงโน้มถ่วง ของ โลก และ ทำให้ วัตถุ ตก จากที่สูง เคลื่อนที่ อัตรา เร่ง g ที่
สำคัญในการ ใช้อธิบาย หลักการ ทางฟิสิกส์ ได้ เป็น อย่างดี กฎข้อ 1 Law of Inertia (กฎของความเฉื่อย)
ถ้าวัตถุอยู่ในสภาพนิ่ง ก็จะรักษาสภาพนิ่ง ถ้าวัตถุอยู่ในสภาพการเคลื่อนที่ ด้วย ความเร็ว คงที่ ก็ จะเคลื่อนที่ เช่นนั้น จนกว่า จะได้ รับ แรง จาก ภายนอก มา กระทำ
ต่อวัตถุนั้น กฎข้อ 2 F = ma
เมื่อมีแรงมากระทำต่อวัตถุ และผลรวมของแรง นั้น ไม่เป็น ศูนย์ จะทำให้ วัตถุ นั้น เคลื่อนที่ ในทิศทาง เดียวกับ แรงลัพธ์ ความเร่ง จะมี ขนาด แปร ผกผัน กับ มวล ของ วัตถุ ่้ กฎข้อ 3 Action = Reaction
เมื่อมีแรงกระทำเป็นแรงกริยาทุกแรง ต้อง มีแรง ปฏิกริยา ซึ่งมี ขนาด เท่ากัน
และทิศทาง ตรงข้าม